“มิยาบิ” ในวัยชรา

“มิยาบิ” เป็นจักรยานแม่บ้านที่ทรหดเอาเรื่อง ด้วยอายุการใช้งานขนาดนี้ ระบบเกียร์ต่างๆ นานาก็ยังคงทำงานได้อย่างนิ่มนวล ซื้อมา 5 ปีเห็นจะได้ ไม่นับว่าก่อนหน้านี้เธอเคยผ่านอะไรมาบ้าง

ยางรั่ว 1 ครั้ง เปลี่ยนยางในทั้งคู่ 1 ครั้ง ยางนอกไม่เคยเปลี่ยน สายเกียร์ขาด 1 ครั้ง รวมๆ ค่าใช้จ่ายเท่าที่จำได้ไม่น่าจะเกิน 500 บาทตลอดระยะเวลา 5 ปี

ตอนทำงานอยู่ที่เดิม ผมชอบปั่นไปทำงานตอนเช้าๆ (ผมเคยตื่นเช้าด้วยนะ) ระยะทางจากลาดพร้าว 108 ถึงรางน้ำ หากนั่งรถเมล์ก็ล่อไป 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ แต่นางสาวมิยาบิใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 20 นาทีเท่านั้น

หากวันใดฝนตกรถติด เธอจะวิ่งฉิวไปเย้ยเยาะหนุ่มๆ รถหรูที่ติดแหง็กอยู่กลางถนน

ความเร็วเธอไม่เคยตก ตราบเท่าที่ผู้คร่อมขี่ยังมีพลัง

ใครบางคนบอกว่าการปั่นจักรยานในเมืองนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ทั้งรถเฉี่ยว ความเร็วต่ำ มีโอกาสถูกมองไม่เห็น แต่ผมไม่ค่อยอยากนับเป็นถ้อยคำที่ควรเก็บมาใส่ใจเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ปั่นมาจนถึงป่านนี้ ก็ยังสบายดี และเท่าที่เห็นก็ยังพบว่าพี่น้องหลายคนบนท้องถนนยังควบจักรยานในอาการสบายดี หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่เดือดร้อนเกินไปนัก

ย้ายที่ทำงาน ผมมีโอกาสไปอยู่ขอนแก่นระยะใหญ่ๆ มิยาบิกับถนนโล่งๆ ชั่งเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็กต์จริงๆ ลมเอื่อยๆ ในยามเช้า และอากาศหนาวในยามเย็น เมื่อถึงระยะลงเนิน “มิยาบิคล้ายจะบินได้”

ย้ายกลับมากรุงเทพฯ ออฟฟิศย้ายที่ตั้งสำนักงาน ผมย้ายห้องมาหลังที่ทำงาน ระยะทางในการปั่นของมิยาบิเริ่มร่นเหลือน้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะระยะทางเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงออฟฟิศ ช่วยถนอมการใช้งานเธอได้โข

แต่คล้ายความขี้เกียจจะเริ่มครอบงำ ระยะทางลดลง ผมก็ลดการปั่นจักรยานตามไปด้วย ช่วงหลังมานี้กลายเป็นว่านั่งมอไซค์วินอย่างเดียวเลย

ที่หนักกว่านั้นคือ ในความขี้เกียจปั่นที่เพิ่มขึ้น จู่ๆ ก็ดันอยากได้จักรยานใหม่เสียอย่างนั้น

บางทีผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

เป็นนักเขียนเพียงคนเดียวของเว็บไซต์นี้ (แหงละ) เป็นมนุษย์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เนื่องจากไม่ถนัดในการจดใส่กระดาษ จึงมักเขียนไว้ในโลกออนไลน์ บางเรื่องผิด บางเรื่องถูก แต่บันทึกความทรงจำจะช่วยตักเตือนเรา