จักรยาน ชีวิต อสุจิ และพวกโลกสวย

1.

นึกถึงวันแรกที่พ่อกลับจาก ธกส. พร้อมกับจักรยานสีดำที่มีข้อความว่า BMX วันนั้นผมดีใจจนแทบนอนไม่หลับ  ใจคอคิดอยากเอามันไปร่วมเรียงเคียงหมอนแล้วหลับพร้อมกันด้วยซ้ำ

มันไม่ได้เป็นจักรยานเด็กแนวเหมือนที่เราคุ้นตาหรอกครับ  แล้วสติ๊กเกอร์บอกยี่ห้อก็ไม่ได้รับประกันว่ามันเป็นของแท้ราคาแพงแต่อย่างใด  ตรงกันข้าม…ผมเข้าใจเอาเองเมื่อหัวนมเริ่มแตกพานว่า  มันเป็นจักรยานธรรมดาๆ ที่ทะลึ่งเอาสติ๊กเกอร์ไปติดไว้เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นของมีแบรนด์เท่านั้น  ซ้ำยังด้อยมูลค่านัก

650 บาทคือราคาของมัน  กระนั้นผมก็ต้องรอให้พ่อขายข้าวก่อนถึงจะมีสิทธิฝันถึง

ด้วยฐานะอันร่ำรวยปานจะกัดก้อนเกลือกิน  ผมทำได้เพียงยืนมองเพื่อนๆ หัดปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า  พอเจ้าของมันเหนื่อยจึงทำหน้าเจื่อนๆ ไปขอลองปั่นบ้าง  เมื่อการทรงตัวบนอานยังเป็นเรื่องยากเหลือคณา  ผมล้มลงไปนอนบนพื้นถนนครั้งแล้วครั้งเล่า  ผู้เป็นเจ้าของมองตาขวาง  แล้วก็เดินมายกจักรยานปั่นหนีไป  ผมนั่งอยู่กับพื้นโดยไร้อำนาจต่อรองใดๆ

เพราะฉะนั้นในวันที่ผมกลับจากโรงเรียนแล้วมาเจอจักรยานจอดอยู่ใต้ถุนบ้าน  อย่าได้จินตนาการว่าผมมีความสุขแค่ไหน  เพราะผมเองก็หาที่เปรียบเทียบไม่ได้

ผมใช้ชีวิตในวัยเด็กบนอานจักรยาน  จากโรงเรียน ถึงบ้าน และที่นา  เป็นอย่างนี้อยู่นานหลายปี

สีดำของจักรยานถลอกปอกเปิกและมีสนิมเข้ามาแทนที่  ยางนอกเปื่อย  เฟืองพัง  โซ่ขาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แล้วเช้าวันหนึ่งผมกับ BMX สีดำก็ได้แต่แอบมองซึ่งกันและกันราวกับคนรักเก่า

2.

ชีวิตในมหาวิทยาลัย  ผมหอบโครงจักรยานเก่าๆ มาจากที่บ้าน  ยัดใส่ใต้ท้องรถทัวร์สีเหลืองสุรินทร์-ขอนแก่น  ก่อนแวะลงที่มหาสารคามอันเป็นสถานศึกษา

มีแต่โครง  ส่วนล้อ  ยาง  อะไหล่อื่นๆ ที่จะยกระดับจากเศษเหล็กเป็นพาหนะ  ต้องมาหาเอาดาบหน้า  กว่าส่วนประกอบจะลงตัวก็ใช้เวลานานโข

หลังจากนั้นจักรยานกับผมก็ทำความรู้จักกันอีกครั้ง  เพียงแต่ด้วยวิถีชีวิตที่หนักไปทางสำมะเลเทเมาเสียมาก  เลยทำให้ผมใช้มันอย่างทุเรศทุรังเอาเหลือ  ไม่นานนักมันก็กลับไปสู่จุดเดิม  นั่นคือเศษเหล็ก  ส่วนชีวิตของผมคล้ายกับลำพองด้วยความฝันกลางนภา  จักรยานถูกลืมเอาไว้เบื้องล่าง  และห่างกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

3.

กระทั่งเย็นวันหนึ่งกลางเมืองหลวง  หลังหมดภาระจากหน้าที่การงาน  ผมเดินทางกลับรูเช่าด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ห่วยแตกที่สุดในประเทศไทย

มันคือรถเมล์

หากถนนโล่งมันสามารถทำความเร็วได้ราวกับเส้นทางจากโลกมนุษย์สู่นรกภูมิใกล้เพียงพริบตาเดียว  ตรงกันข้าม…หากวันใดเส้นทางทำหน้าที่เป็นลานจอดรถ  อากาศร้อน  พาหนะต่ำชั้น  หรูหรา  ไม่ว่าช่องว่างของราคาแตกต่างกันเท่าใด  มันก็ทำได้เพียงทำตัวนิ่งๆ บนท้องถนน

เป็นชะตากรรมเดียวกัน

เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แรมปี

1 ใน 4 ของชีวิตกลางกรุงหมดไปกับการห้อยโหนบนรถเมล์สาย 92 ตลาดแฮปปี้แลนค์ – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เย็นวันนั้น…ขณะที่รถติดหนึบ  อากาศร้อนอบอ้าว  ผู้คนแออัด   ที่หน้าต่างมีเม็ดฝนเกาะบางๆ ผมมองลอดออกไปพบร้านจักรยานเก่าๆ อยู่ร้านนึง  ในร้านมีทั้งอะไหล่  และจักรยานประกอบเสร็จแล้ว  บ้างแขวน  บ้างกองรวมกัน  บ้างจอดเบียดเสียดตามแต่พื้นที่จะอำนวย  ผมตัดสินใจเดินลงไปดู

มันเป็นจักรยานญี่ปุ่น  แต่ละคันมีสภาพไม่แตกต่างกัน  พินิจวิเคราะห์ตามแต่ความรู้เท่าหางอึ่งจะอำนวย  พบอยู่คันนึงที่อะไหล่ยังแข็งแรง  ระบบเฟือง  ระบบเกียร์  โซ่  ดุมล้อ  ไฟหน้า ลองยกขาตั้งคู่ขึ้นแล้วใช้มือปั่นดู  เสียงทุกอย่างเงียบกริบ

เมื่อเห็นว่าเราน่าจะต้องชะตาต่อกัน  ผมบอกเป้าหมายให้เจ้าของร้านรับทราบ  แล้วเดินไปกดเงินก้อนสุดท้ายของเดือนยื่นให้ไป

ราคาของมันคือ 5,000 ถ้วน  ผมไม่ต่อราคาใดๆ เจ้าของร้านใจดีติดกระจกหน้าให้คู่นึง  พร้อมกับทอนเงินให้ 500 บาท  คงคิดในใจว่าเอาไว้ต่อลมหายใจก่อนปลายเดือน  จะได้มีข้าวกิน  จะได้มีแรงปั่น  ผมกล่าวขอบคุณ  เช็คลม เช็คยางเรียบร้อย  และตั้งชื่อให้เธอว่า “มิยาบิ”

ผมกับมิยาบิ…เราออกเดตด้วยกันครั้งแรกบนถนนสายลาดพร้าว

กลับถึงห้องในสภาพเหนื่อยอ่อนเนื่องจากร้างการปั่นไปนาน  คุณแฟนถามว่าทำไมดูเหนื่อยและกระหายน้ำผิดปกติ  ผมตอบเธอว่า “ลงจากรถเมล์แล้วไปซื้อจักรยานปั่นกลับมา”  แรกทีเดียวเธอไม่เชื่อ

แล้วชีวิตของผมก็กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง  การอยู่บนอานจักรยานทำให้ผมรู้สึกมีชีวิต  รับรู้ถึงลมหายใจเข้าออกมากขึ้น

ระยะทางจากห้องพักลาดพร้าว 108 ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกทดสอบเช้าแล้วเช้าเล่า  ทั้งยามทุกข์ยามสุข  การปั่นจักรยานช่วยเรียกสติมาได้โข  แม้เส้นทางไม่ได้เอื้ออำนวยให้สามารถปั่นเอื่อยเฉื่ยยกินลมห่มฟ้าก็ตามที

4.

ไม่นานมานี้มีข่าวรณรงค์ปั่นจักรยานในเมืองจริงจังเหลือเชื่อ  ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับอีเวนท์ที่จัดขึ้น  แม้จะแอบเชียร์ก็ยังอดหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย  ในใจมีคำถามว่าประเทศนี้จะทำห่าอะไรได้มากกว่าการจัดอีเวนท์ไหม?

แน่ละมันเป็นแคมเปญที่ดี  แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามเหมือนใน MV ที่ฮิวโก้พาเหล่าหนุ่มสาวปั่นจักรยานหลากรูปแบบร่อนไปมากลางเมืองหลวง

ในความเป็นจริงคือ  คุณต้องทำตัวลีบๆ อยู่บนถนนที่มีอำนาจมืดหลังพวงมาลัยที่พร้อมจะแกล้งมองไม่เห็นได้ทุกเมื่อ  ขณะที่บาทวิถีแม้ไม่มีร้านค้าแผงลอยก็ใช่ว่าพื้นผิวจะเหมาะกับการปั่นแต่อย่างใด  เพราะมันมีทั้งเสาไฟ  ป้ายโฆษณา  ถังขยะ  ขวางไว้รายทางเต็มไปหมด

การปั่นจักรยานในเมืองจึงเป็นมุมมองกักขฬะของพวกที่มองโลกสวยงาม  เพราะประเทศนี้มีอะไรซ่อนอยู่จากบริษัทค้าน้ำมัน  บริษัทรถยนต์  บริษัทรับเหมาก่อสร้างถนน  และคนพวกนั้นก็เอาอสุจิตัวเองไปฝังไว้ในรังไข่ของกลุ่มคนมีอำนาจ

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คาดหวังอะไร  เพราะมันป่วยการเกินไปที่จะทำร้ายตัวเองด้วยความคาดหวัง

ทุกวันนี้ผมเปลี่ยนที่ทำงาน  ย้ายห้องพักมาอยู่ใกล้กันมากขึ้น  ในชุมชนเงียบๆ ที่สามารถเดินเอื่อยๆ ได้ตามแต่หัวใจจะอำนวย

มิยาบิกับผมยังคงคบหาดูใจกันด้วยดี  แม้บางครั้งเธอจะป่วย  ไส้ไก่เปื่อย  แต่นั่นก็เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่รักษาได้ด้วยเงินไม่ถึง 5 บาท  ขณะที่ความเจ็บป่วยของมหานครแห่งนี้กับการกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมดีๆ  ดูคล้ายจะหมดทางรักษา

ผมนึกถึงวันที่ตัวเองยังเด็ก  สองฝั่งถนนมีไร่นา  ยามที่ออกแรงปั่นเต็มที่จะได้รับไอดินกลิ่นหญ้าเข้ามาเต็มปอด  ขณะที่มหานครแห่งนี้คล้ายกับเป็นมะเร็งร้ายลุกลามจากสภาจนถึงท้องถนน

แต่ผมก็ยังต้องปั่นต่อไป  ทั้งจักรยานและชีวิต!!

เป็นนักเขียนเพียงคนเดียวของเว็บไซต์นี้ (แหงละ) เป็นมนุษย์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เนื่องจากไม่ถนัดในการจดใส่กระดาษ จึงมักเขียนไว้ในโลกออนไลน์ บางเรื่องผิด บางเรื่องถูก แต่บันทึกความทรงจำจะช่วยตักเตือนเรา