แตงโม

watermellon

บ้านของผมปลูกแตงโมขาย นายสุพิน และนางจันดี โพธิสาร ทำงานหนัก ใช้พลังงาน ใช้น้ำ และใช้เวลาร่วมหัวจมท้ายกับผืนดิน ณ ไร่แห่งนั้นแทบจะไม่เคยหยุดพัก กระทั่งถึงวันที่แตงโมได้เวลาขาย

บ่ายวันนั้น พ่อค้าคนกลางมาขอเหมาสวนด้วยการทุ่มเงิน 4-5 หมื่นบาท ต่อแตงโม 7 ไร่

นางจันดี ไม่ได้ยกนิ้วกลางเป็นการตอบแทนพ่อค้าคนกลางท่านนั้นไป แต่ข่าววงในก็แฉกันให้แซดว่า เธอด่ากราดต่อชายแปลกหน้าจนถอยกรูดขึ้นรถกระบะหนีหายไป

ด้วยปริมาณแตงโมขนาดนั้น แลกกับเงินเพียงหยิบมือเดียว ไม่แปลกใจหรอกที่เธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปรอทแตก

“คำนวณหยาบๆ มันตกลูกละ 1 บาทเอง จะบ้าหรือเปล่า ปล่อยให้วัวควายกินยังไม่เจ็บใจขนาดนี้ มันหยามกันชัดๆ” สําบัดสํานวนเธอไม่ดีขนาดนี้หรอก ผมเกลาให้ เพราะหากปล่อยออกไปอย่างที่ปากเธอพูด เกรงว่าจะขุ่นเคืองโสตประสาทและสายตาของผู้พบปะถ้อยคำเหล่านี้เสียเปล่าๆ

“แตงโมจินตหรางามขนาดนี้ เยอะขนาดนี้ ต้องหลักแสนขึ้นไป น้อยกว่านี้ไม่ต้องมาพูดกัน” เสียงพึมพำของเธอยังคงเจือปนด้วยความเกรี้ยวกราด

คล้ายกับเป็นอันรู้กัน พ่อค้าคนกลางหลายต่อหลายเจ้าแวะเวียนมาให้ราคาไม่ได้สูงกว่านี้สักเท่าไหร่ เมื่อเห็นแน่ชัดว่า อาจถูกพ่อค้าคนกลางแกล้งกดราคา เธอตัดสินใจ

“ขายเอง…ใส่รถไถไปขายเอง เอ็งกับพ่อขนขึ้นรถเลย ไปเดี๋ยวนี้ ขนไปขายในหมู่บ้านนี่แหละ”

อันที่จริง เราก็ปลูกแล้วขายเองแบบนี้เป็นประจำนั่นแหละ เพียงแต่ปีนั้น นางจันดี รู้สึกเหนื่อยๆ กับการวิ่งขายเอง เลยกะเอาแตงโมเข้าระบบตลาดเสีย เราจะปลูกอย่างเดียว ไม่ต้องวิ่งขาย แต่พอถูกกดราคาเสียฉิบเธอจึงล้มเลิกความตั้งใจภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

ขายเองก็ได้ราคาสูงกว่าขายส่ง จากลูกละ 1-2 บาทจากการเก็งราคาแบบหยาบๆ ของพ่อค้าคนกลาง ก็กลายเป็นลูก 10 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของลูกแตงโม

กระนั้น สำหรับบนรถอีแต๊กแล้ว การขายลูกละ 10 บาทก็นับว่าแพงโขแล้ว พวกเขามักจะต่อราคาหรือขอให้แถมเป็นประจำ แน่นอนว่าผมทำ และต้องบอกให้พ่อทำ เพียงแต่ต้องยื่นหมูยื่นแมวด้วยการขอให้ซื้อในประมาณที่เพิ่มขึ้น

ซื้อ 10 แถม 1 บ้าง แถม 2 บ้าง
สำหรับร้านโชห่วยลดเหลือลูกละ 7 บาท แถมอีกชุดนึง
มิตรสหายลูกค้าท่านใดพูดจาเข้าหูให้กินฟรีก็ยังได้

เหตุผลที่ต้องลดราคาบ้าง แถมบ้าง มันมีปัจจัยสำคัญคือ น้ำมัน และเวลา การขายให้หมดเร็วที่สุด แม้จะได้ราคาลดลงกว่าเดิมสักนิดหน่อยถือเป็นความคุ้มค่า เพราะการต้องวิ่งขายให้ไกลกว่าเดิม ใช้เวลามากกว่าเดิม นั่นหมายถึงต้นทุนก็จะสูงขึ้นกว่าเดิม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้เวลามากมายเพื่อให้ขายแล้วบวกลบส่วนต่างได้เงินเท่าเดิม

ทว่าก็ต้องตกลงกับนายสุพินให้ดีว่า เรื่องนี้นางจันดีไม่ควรรับรู้ เธอเป็นแรงงานอาชีพ ไม่เหมาะกับการเป็นแม่ค้าเอาเสียเลย การคิดเลขของเธอมีตรรกะเดียวคือ ขายได้เงินเท่าไหร่

แน่นอนว่า การที่ผมกับพ่อรับผิดชอบขนแตงโมขึ้นรถเอง เราย่อมนับจำนวนแตงโมให้มันน้อยกว่าความเป็นจริง เพื่อที่ว่าเมื่อนับเงินในภายหลังจะได้ไม่รู้สึกว่าขาดหายไปมากจนน่าตกใจ

ปีแล้วปีเล่า ผมกับคนที่บ้านก็อยู่อย่างนั้น

ในช่วงหลังก็ปลูกแตงโมสลับกับผักสวนครัว นางจันดียังคงรักในการลงแรง นายสุพินก็เชี่ยวชาญกับการเป็นเซลล์แมนมากขึ้น ส่วนผมก็ขยับฐานะตัวเองมาเป็นคนคุมบัญชีและคอยบัญชาการรายรับรายจ่ายรวมทั้งคอยดูว่าอะไรควรปลูกอะไรไม่ควร

กระทั่งวันประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์ออกมานั่นแหละ ปราสาททรายก็เริ่มพังทีละส่วนๆ

ไร่แตงโมจบลงทันทีที่วันเปิดเทอมมาถึง กระทั่งป่านนี้ก็ไม่มีแผนที่จะรื้อฟื้นมันอีกรอบ

คิดย้อนกลับไป อีตอนปลูกแตงโมนี่ผมไม่รู้สึกอยากกินแตงโมเลยครับ ไม่อยากกินแต่ก็ได้กินทุกวัน ทุกมื้อ ทุกเมนู

ต้มลูกแตงโมจิ้มน้ำพริก
ยำแตงโมใส่สะระแหน่
หรือกินแตงโมกับข้าวเปล่านี่ก็นับเป็นเมนูหลักเห็นจะได้

ผมไม่กินแตงโมเลยหลายปีมาก กระทั่งในช่วงหลังมานี้เริ่มรู้สึกอยากกินขึ้นมาอีกรอบ แล้ว 2-3 วันมานี้ก็กินแทบทุกวัน และไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาก็ซื้อแตงโมมาอีกลูก

เคาะฟังเสียงทดสอบดูว่าเหมาะกับการกินเรียบร้อยแล้วถามราคา

“ลูกนี้ 120 บาทครับ” พ่อค้าแจ้งราคา

ผมหันไปมองหน้าคุณแฟน เธอพยักหน้าแล้วหยิบตังค์ขึ้นมาจ่ายให้ตามราคาไม่อิดออด

หยิบแตงโมใส่ตะกร้าหน้ารถแล้วจูงออกมา ในใจนึกถึงนิ้วกลางของนางจันดี ณ บ่ายวันนั้น

เป็นนักเขียนเพียงคนเดียวของเว็บไซต์นี้ (แหงละ) เป็นมนุษย์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เนื่องจากไม่ถนัดในการจดใส่กระดาษ จึงมักเขียนไว้ในโลกออนไลน์ บางเรื่องผิด บางเรื่องถูก แต่บันทึกความทรงจำจะช่วยตักเตือนเรา