ห้วยต้าเหนือ ห้วยต้าใต้(บาดาล) : การพบกันของอดีตและปัจจุบัน

huaita

40 กว่าปีที่แล้ว นางบุญนัก ต้องอพยพออกจากบ้านห้วยต้าใต้ เพราะมันกลายเป็นพื้นที่เป้าหมายในการสร้างเขื่อนสิริกิติ์

40 กว่าปีให้หลัง นางบุญนัก มาเจอกับเด็กชายไนท์ที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

เด็กชายไนท์ผู้มาจากบ้านห้วยต้าเหนือ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเกาะกลางเขื่อนใหญ่

คนห้วยต้าใต้ คุยกับคนห้วยต้าเหนือ พวกเขาถามสารทุกข์สุกดิบ ญาติโกโหติกา วัดวาอาราม ซึ่ง 40 กว่าปีที่แล้วทั้ง 2 หมู่บ้านยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน แต่ในวันที่ห้วยต้าซึ่งมีชื่อห้อยท้ายว่า “ใต้” จมอยู่ใต้บาดาล ทิ้งไว้ให้เพื่อนที่มีชื่อห้อยท้ายว่า “เหนือ” โดดเดียวลำพังกลางเวิ้งน้ำ

ตอนที่นางบุญนักเกิดมา เธออยู่กับป่า ที่นั่นทำมาหากินได้อย่างมีความสุข อาหารอุดมสมบูรณ์ เธอมีที่ทำกินเป็นของตนเอง แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อน เธอถูกทำให้ต้องอพยพออกจากที่นั่นมาอยู่บนนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านซึ่งรัฐจัดที่ดินให้ 15 ไร่ สำหรับที่อยู่อาศัย 2 ไร่ ที่เหลือคือพื้นที่ทำกิน

เธอบอกว่า ฉันทำกินได้ไม่ดีเหมือนเก่าหรอก เพราะเบื้องล่างของผืนดินคือหิน และผืนดินที่เธอเป็นเจ้าของก็ได้ชื่อว่าทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวน และเธอตกเป็นจำเลยในฐานะผู้บุกรุกป่า

“เราไม่ได้ร้องขอที่ดินตรงนี้ รัฐต่างหากที่จัดให้ แล้ววันนี้ก็รัฐนั่นแหละที่บอกว่าเราผิดฐานครอบครองที่ดินบนผืนป่า มันเป็นผืนป่าที่เขานั่นแหละจัดให้เรา”

“ตอนสร้างเขื่อนเขาบอกว่าเราจะได้ประโยชน์จากการใช้น้ำ แต่วันนี้เราไม่มีน้ำทำการเกษตร จะให้เราสูบน้ำจากแม่น้ำน่านข้ามเขาเป็นกิโลๆ เพื่อรดน้ำในนาข้าว ในสวน ในแปลง ในไร่นะหรือ เอาเงินที่ไหนซื้อน้ำมันปั่นน้ำ?” เธอปิดคำตอบด้วยคำถาม

เด็กชายไนท์ เรียนอยู่ ม.ต้น เขาเกิดมาก็เจอเขื่อนแล้ว เขื่อนสิริกิติ์มีกำลังผลิตไฟฟ้า 500,000 กิโลวัตต์ แต่บนหมู่บ้านห้วยต้าเหนือ พวกเขามีสิทธิใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 18.00-23.00 น. เท่านั้น และมันมาจากเครื่องปั่นไฟไม่ใช่เขื่อน

จบข่าวแต่เพียงเท่านี้ เชิญสำราญเถิดปวงประชา

เป็นนักเขียนเพียงคนเดียวของเว็บไซต์นี้ (แหงละ) เป็นมนุษย์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เนื่องจากไม่ถนัดในการจดใส่กระดาษ จึงมักเขียนไว้ในโลกออนไลน์ บางเรื่องผิด บางเรื่องถูก แต่บันทึกความทรงจำจะช่วยตักเตือนเรา